แอชตัน อโศก เปิดแนวทางแก้ไข ตึกแถวด้านหลัง ยันไม่ขายที่ ด้วยเหตุผลสุดพีค

dasdas
0

 

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้มีการรายงานว่า นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหลังถูกเพิกถอนใบอนุญาต ดังนี้

โครงการแอชตัน อโศก มีมูลค่ารวม 6,481 ล้านบาท มีจำนวนยูนิต 783 ยูนิต โดยยูนิตที่โอนไปแล้วมี 668 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 5,653 ล้านบาท หรือ 87% ซึ่งการดำเนินงานของบริษัทยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังมีความสามารถในการชำระหนี้ตามตราสารหนี้ และภาระผูกพันต่าง ๆ ที่มีผลผูกพันกับบริษัทได้ สามารถดำเนินการทางการเงินต่าง ๆ ได้ตามปกติสำหรับแนวทางแก้ไข

1.คณะกรรมการบริษัท อนันดา เอ็มเอฟฯ บริษัทร่วมทุน ได้รวบรวมความเสียหาย และแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อติดต่อเจรจากับส่วนบงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยเร่งด่วน ส่วนมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้น อยู่ระหว่างประเมินร่วมกับผู้สอบบัญชีของบริษัท และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน และเพื่อพิจารณาตั้งสำรองในไตรมาส 2 ปี 66

2.แม้ศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง แต่ความเสียหายดังกล่าวยังสามารถแก้ไขได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่ผู้แทนหน่วยงานของรัฐได้เสนอทางแก้ตามที่เป็นข่าวต่อสาธารณะไป แล้วว่า กรณีที่ศาลเพิกถอนใบอนุญาตโครงการ ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนอาคาร ซึ่งบริษัท อนันดา เอ็มเอฟฯ กำลังพิจารณาหาแนวทางแก้ไขที่มีอยู่หลายแนวทาง โดยจะขอเข้าพบกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ภายใน 14 วันทำการ นับถัดจากวันที่ 27 ก.ค.66 เพื่อเจรจาหาทางแก้ไขกับหน่วยงานของรัฐต่อไป

3.บริษัท อนันดา เอ็มเอฟฯ อยู่ระหว่างการประชุมหารือร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการอนุมัติ หรืออนุญาตให้ทำโครงการแอชตัน อโศก เพื่อแก้ไขความเสียหาย ซึ่งการหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะเป็นการดำเนินการควบคู่กับการพิจารณาแนวทางอื่นที่มีอยู่หลายแนวทางด้วย และบริษัทฯ จะได้รายงานความคืบหน้าให้ทราบเพิ่มเติมต่อไป

แต่ทว่าได้รายงานจาก สื่อสำนักดัง ระบุว่า ชาวบ้านในละแวกที่อยู่ด้านหลังแอชตัน อโศก เปิดเผยว่าเป็นไปได้ยากที่เจ้าของตึกจะขาย เพราะทุกคนล้วนมีฐานะดี ตั้งแต่มีการก่อสร้างคอนโดก็สร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้านมาก มีทั้งเศษหิน เศษปูน และชิ้นส่วนก่อสร้าง ตกลงมาใส่บ้านเรือน ทำให้ทุกคนต้องนอนหวาดผวา ชาวบ้านที่อยู่ตรงนี้ก็อาศัยหรือทำธุรกิจมานาน 20-30 ปี คงไม่ย้ายออกง่าย ๆ

ส่วนราคาประเมินตึกแถวย่านนี้อยู่ที่ราว 250 ล้านบาท ถ้าต้องการซื้อก็ต้องกว้านซื้อไม่ต่ำกว่า 16 คูหา หรือไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาทแน่นอน ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าโครงการ 6.4 พันล้านบาท ดังนั้นจึงแนะนำให้หาทางออกอื่นจะดีกว่า เช่น คุยกับ รฟม. หรือซื้อที่ดินบางส่วนจากศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21

เรียบเรียง siamnews

Post a Comment

0Comments
Post a Comment (0)

#buttons=(Accept !) #days=(20)

Our website uses cookies to enhance your experience. Learn More
Accept !
To Top